การแบ่งประเภทหรือสายพันธุ์ของเสิร์ชเอนจิ้นก็เหมือนกันครับ จะจัดแบ่งได้กี่ประเภท ขึ้น
อยู่กับว่าเราใช้อะไรเป็นหลักเกณฑ์ในการแบ่ง
Crawler-Based Search Engine คือ เสิร์ชเอนจิ้นที่ทำงานแบบครบวงจร เสิร์ชเอนจิ้นมีระบบ Crawling-Indexing-Resulting อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ในตัวเอง กล่าวคือส่งบอตเข้ามาเก็บข้อมูลในเว็บไซต์ต่างๆเอง นำข้อมูลไปจัดทำอินเด็กซ์เอง แล้วก็แสดงข้อมูลผลข้อมูลอินเด็กซ์นั้นมาเมื่อมีการค้นหา
Meta Search Engine คือ เสิร์ชเอนจิ้นประเภทที่ไม่มีระบบ Crawling-Indexing-Resulting ซึ่งก็แน่นอนว่าจะไม่มีอินเด็กซ์เป็นของตัวเอง แต่จะเข้าไปใช้งานอินเด็กซ์ของเสิร์ชเอนจิ้นอื่นๆอีกทีหนึ่ง เวลาเราเสิร์ชผ่านเสิร์ชเอนจิ้นประเภทนี้จึงให้ผลลัพธ์เหมือนกับการเสิร์ชเอนจิ้นต้นฉบับที่เป็นเจ้าของอินเด็กช์นั้น
Specialty Search Engine คือ เสิร์ชเอนจิ้นที่ใช้เสิร์ชข้อมูลเฉพาะด้าน เฉพาะบางประเภท ไม่ใช่เสิร์ชข้อมูลทั้งหมดที่เจอในเว็บไซต์ทั่วโลกเหมือนกับเสิร์ชเอนจิ้น 2 ประเภทแรก
Internal Search Engine คือ เสิร์ชเอนจิ้นที่ใช้หาข้อมูลในเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่งเป็นหลัก หรืออาจจะค้นหาข้อมูลในเว็บไซต์เครือข่ายหรือเว็บไซต์พันธมิตรร่วมด้วย แต่ไม่ได้เสิร์ชข้อมูลจากเว็บไซต์ทั่วโลก
Regional Search engine คือ เสิร์ชเอนจิ้นซึ่งเน้นไปที่การค้นหาข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงในพื้นที่หรือในประเทศนั้นๆ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนในประเทศนั้นๆ เป็นสำคัญผลการค้นหาของเสิร์ชเอนจิ้นประเภทนี้จึงมักถูกปรับให้สอดคล้องกับความน่าสนใจและความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
เว็บไซต์ Google.co.th นี้คือ Google ในเวอร์ชันคนไทย ใช้สำหรับคนไทยโดยเฉพาะเราปรับให้แสดงผลเป็นภาษาไทยได้ ปรับให้แสดงผลการค้นหาเฉพาะของไทยหรือเฉพาะภาษาไทยได้
แม้เสิร์ชเอนจิ้นจะมีหลายประเภท แต่ในการทำ SEO เราต้องพุ่งเป้าไปที่เสิร์ชเอนจิ้นประเภทแรก เนื่องจากเป็นเสิร์ชเอนจิ้นที่คนทั่วโลกนิยมใช้กันมากที่สุด มีอิทธิพลต่อโลกออนไลน์สูงที่สุดเพราะปกติแล้วการทำ SEO ให้ถูกใจ Google จนขึ้นไปอยู่ในอันดับต้นๆได้ เสิร์ชเอนจิ้นอื่นๆ ก็มักจัดเว็บไซต์ของเราไว้ในอันดับสูงๆด้วยเช่นกัน
ใครบ้างที่ได้ประโยชน์จาก SEO
เวลาที่เราพูดถึงเรื่องการทำ SEO เรามักจะคิดกันว่า คนที่ได้รับประโยชน์จากการทำ SEO คือคนที่เป็นเจ้าของเว็บไซต์เท่านั้น หรือพูดง่ายๆว่าเราต้องมีพื้นที่ของตัวเองอย่างเป็นทางการในโลกออนไลน์ ต้องมี URL เป็นของตัวเอง เราจึงจะได้ประโยชน์จากการทำ SEO ความคิดแบบนี้ทำให้คนที่ไม่มีเว็บเว็บไซต์สนใจไปเลย เพราะคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง
สมมุติว่าคุณไม่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง แต่ถ้าคุณได้เข้าไปประกาศขายสินค้าในเว็บไซต์ ประเภท E-Classify สักแห่งหนึ่งจะเป็นที่ไหนก็ช่าง ช่องทางแรกที่จะช่วยให้ลูกค้าค้นเจอสินค้าของคุณก็คือการที่ได้เข้าไปค้นหาในเว็บไซต์ที่คุณประกาศขายไว้ เพราะข้อมูลสินค้าที่คุณประกาศขายไว้ในเว็บไซต์นั้นแต่คุณต้องไม่ลืมว่าลูกค้าอาจค้นเจอคุณจากเสิร์ชเอนจิ้นด้วยก็ได้ เพราะข้อมูลสินค้าที่คุณประกาศขายไว้ในเว็บไซต์นั้นจะถูกบอตของเสิร์ชเอนจิ้นเก็บเข้าไปทำอินเด็กช์ด้วย
ในเมื่อเสิร์ชเอนจิ้นช่วยส่งลูกค้ามาซื้อสินค้าที่เราประกาศขายไว้ได้ เราจึงควรเรียนรู้เทคนิคที่จะช่วยให้ใครๆ ค้นเจอเราได้ง่ายๆ ข้อมูลขายสินค้าของใครปรากฏอยู่ในลำดับต้นๆ เมื่อมีคนค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องเจ้าของสินค้าคนนั้นก็จะมีโอกาสขายสินค้าได้สูงกว่า
หากเราต้องการขายสินค้าให้ง่ายและเร็วขึ้น เราต้องเรียนรู้หลักของการทำ SEO ด้วย โดยเฉพาะการวิเคราะห์คีย์เวิร์ด เพราะหากคุณใส่คีย์เวิร์ดที่มีคนนิยมใช้ลงไปในข้อมูลประกาศขายสินค้าของคุณ ก็จะช่วยให้ลูกค้าค้นเจอคุณมากขึ้น
ยังมีอีกตัวอย่างหนึ่งครับ สมมุติว่าคุณถ่ายคลิปเด็ดๆขึ้นมาสักคลิป แล้วนำคลิกขึ้นไปเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ประเภท Online Video สักแห่ง คุณก็ย่อมต้องการให้มีคนเข้าไปดูคลิปวิดีโดของคุณเยอะๆเป็นธรรมดา หลักการก็ง่ายๆแค่เลือกคีย์เวิร์ดให้เป็น แล้วใส่คีย์เวิร์ดนั้นลงไปในชื่อหรือในข้อมูลรายละเอียดของคลิปวิดีโอ