6 โปรแกรมตัดต่อวิดีโอฟรี แถมใช้ง่ายมาก!
หากพูดถึงวิธีการทำการตลาดออนไลน์ในปัจจุบัน หลายๆ คนก็อาจจะนึกถึงวิธีการทำการตลาดอย่างการทำ SEO, Email Marketing, Google Ads ฯลฯ แต่รู้หรือไม่ว่าการทำการตลาดออนไลน์อีกวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ และทรงพลังอย่างมากเลยก็คือการทำ Video Marketing เนื่องจากวิดีโอนั้นเป็นคอนเทนต์ที่สามารถเสพได้ง่าย และยิ่งหากทำวิดีโอออกมาได้อย่างน่าสนใจแล้วละก็ ก็ยิ่งมีความน่าดึงดูด และน่ามองมากกว่าการโพสต์รูปนิ่งๆ ธรรมดาอย่างแน่นอน แถมจากสถิติก็ยังพบว่าผู้ใช้งานบนอินเทอร์เน็ตกว่า 100 ล้านคนนั้นดูวิดีโอออนไลน์เป็นประจำทุกวัน ซึ่งนับว่าเป็นสัดส่วนที่สูงอย่างมาก!
เห็นไหมล่ะว่าการทำ Video Marketing นั้นน่าสนใจไม่น้อยเลย แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีสกิลล์การตัดต่อวิดีโอได้อย่างมืออาชีพ ดังนั้นในบทความนี้เราจึงอยากจะมาแนะนำ 6 โปรแกรมที่ใช้ตัดต่อวิดีโอ และที่สำคัญก็คือเป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอฟรี และใช้ง่าย แม้ไม่เคยตัดต่อวิดีโอมาก่อนก็จะสามารถตัดออกมาได้แบบเทพๆ แน่นอน โดยโปรแกรมทำวิดีโอที่เราจะแนะนำมีดังต่อไปนี้ แต่ละโปรแกรมจะมีจุดเด่น หรือฟีเจอร์อะไรเจ๋งๆ บ้างนั้น ตามไปอ่านกันเลย
1.) Lightworks (Free Edition)
โปรแกรมปรับแต่งวิดีโอ Lightworks นั้นเปิดให้ใช้งานทั้งแบบเสียเงิน และแบบฟรี ซึ่งจริงๆ แล้วแบบฟรีก็สามารถตัดออกมาได้อย่างมืออาชีพเลยทีเดียว นอกจากนี้ก็ยังไม่มีลายน้ำมากวนใจ สามารถโพสต์ลงสื่อโซเชียลของคุณได้แบบสวยๆ
จุดเด่น:
– ออกแบบโดย Video Editor ระดับโลก มี User Interface ที่ใช้งานง่าย
– แชร์ลงสื่อโซเชียลของคุณผ่านโปรแกรมได้เลย
– รองรับ File ที่หลากหลาย จะถ่ายจากกล้อง หรือสมาร์ตโฟนก็ได้หมด!
– ความละเอียดสูงแม้จะเป็นตัวที่ใช้งานได้ฟรี
2.) Filmora
อีกหนึ่งโปรแกรมตัดต่อวิดีโอง่ายๆ ที่ใช้ในคอมได้ฟรีก็คือ Filmora ซึ่งว่ากันว่าเป็นพี่น้อง (คนละพ่อคนละแม่) ของ Lightworks เพราะโปรแกรมมีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก คือทั้งสามารถใช้งานได้ฟรี ใช้ง่าย และตัดออกมาได้ปังแบบสุดๆ
จุดเด่น:
– มีลูกเล่น Effects ให้เลือกหลากหลายกว่า 800 Effects
– Effects สุดปังระดับ Hollywood
– รองรับการใช้งานกับ File ที่หลากหลาย
– ฟีเจอร์ครบ เช่น Motion Tracking, Noise Removal, Speed Control, Color Matching ฯลฯ
3.) KineMaster
KineMaster เป็นโปรแกรมทําวิดีโอฟรีที่นิยมกันในหมู่ครีเอเตอร์สุดๆ เพราะเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่มีฟีเจอร์เยอะอย่างมาก! สามารถตัดออกมาได้อย่างสวยงาม จะใช้บนคอมพิวเตอร์ก็ได้ หรือจะโหลดลงสมาร์ตโฟนก็ใช้งานง่ายไม่แพ้กัน
จุดเด่น:
– รองรับวิดีโอคุณภาพระดับ 4k
– Back Up และ Share ได้ง่าย เนื่องจากสามารถบันทึกไฟล์เป็นนามสกุล .kine ได้ ทำให้คนที่มา Edit ต่อสามารถทำงานต่อได้ทันที
– มี Blending Mode ทำให้เบลนรูปและวีดิโอออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
– จะใส่รูป ฟอนต์ เสียง ฯลฯ ก็สามารถทำได้ทั้งสิ้น
4.) OpenShot
โปรแกรมทำวิดีโอระดับโลกที่เคยได้รับรางวัล Award-Winning Open-Source Video Editing Software ที่ต้องบอกว่าใครที่บอกว่าตัดต่อวีดิโอไม่เป็น แบบว่ามือใหม่สุดๆ ก็ต้องเป็นโปรแกรมนี้แหละ เพราะน่าจะเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ใช้งานง่ายที่สุดเลยล่ะ
จุดเด่น:
– ใช้งานง่าย เพียง Drag and Drop
– ไม่มีลายน้ำ โพสต์ลงแพลตฟอร์มคุณได้แบบสวยๆ
– Unlimited Layers! จะเลเยอร์เยอะแค่ไหนก็เอาอยู่
5.) DaVinCi Resolve
โปรแกรมทําวิดีโอฟรีนี้แตกต่างกับโปรแกรมอื่นอยู่ตรงที่จะเน้นการปรับแต่งสีเป็นหลัก ทำให้การปรับแต่งวีดิโอของคุณได้ผลลัพธ์ออกมาราวกับว่าจ้างมืออาชีพมาตัดต่อเลยทีเดียว เพราะวีดิโอของคุณจะมีโทนสีของภาพแบบลงตัว และดู Smooth ตั้งแต่ต้นคลิปจนจบคลิป รับรองว่าคนดูจะเหมือนได้ดูวีดิโอเจ๋งๆ เหมือนดูอยู่ในช่องดังเลย
จุดเด่น:
– ปรับแต่งโทนสีได้ตามต้องการ
– เหมาะกับครีเอเตอร์ที่อยากได้ Visual Effects หรือ Motion Graphic เมพๆ
– โปรแกรมมีการประมวลผลค่อนข้างเร็ว ไม่ค้าง